ICRC ในฐานะองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มีภารกิจโดยตรงในการดูแลเชลยศึก ปฏิบัติงานด้วยมาตรฐานสากล ยึดมั่นในความเป็นกลาง และได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก การเข้าเยี่ยมครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งดำเนินไปตามขั้นตอนปกติของ ICRC โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึก และทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประสานการติดต่อระหว่างเชลยศึกกับครอบครัว ผ่านกลไกของ ICRC
ในโอกาสดังกล่าว กองทัพบกได้อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ ICRC เข้าพบและพูดคุยกับเชลยศึกอย่างอิสระ ตามที่ ICRC แสดงความประสงค์ ทั้งนี้ การปฏิบัติของกองทัพบกยังคงยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพันธกรณีตามอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีมาโดยตลอด
นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้ปฏิบัติตามแนวทางที่ ICRC ให้ความสำคัญ โดยไม่อนุญาตให้คณะผู้แทนฝ่ายไทยหรือสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ระหว่างการพบปะพูดคุยกับเชลยศึก เพื่อสะท้อนถึงความโปร่งใสและความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างฝ่ายไทยกับองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
สำหรับประเด็นการส่งคืนเชลยศึก คณะ ICRC ได้ระบุว่า ในอนาคตเมื่อฝ่ายไทยและกัมพูชาสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการปล่อยตัวเชลยศึก ทางคณะ ICRC ยินดีทำหน้าที่เป็นตัวกลางและเป็นพยานในระหว่างการส่งมอบ โดยยังคงยึดมั่นในจุดยืนแห่งความเป็นกลาง ซึ่งเป็นมาตรฐานการทำงานที่มุ่งเน้นด้านมนุษยธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติหรือสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นการเฉพาะ
……………………………………………………………
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก, 5 กันยายน 2568
กองทัพภาคที่ 2 คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ประจำประเทศไทย (ICRC) กระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา – Team Thailand
#RTA #กองทัพบก
05
ก.ย.

กองทัพบกอำนวยความสะดวกให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชาครั้งที่ 2 อย่างโปร่งใส ตามหลักปฏิบัติและมาตรฐานสากล
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 กองทัพบก โดยความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ ได้อำนวยความสะดวกให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ประจำกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา จำนวน 18 นาย ณ สถานที่ควบคุมตัวในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2