๘ เมษายน ๒๕๖๐
๑๓๐ ปี แห่งการสถาปนากระทรวงกลาโหม
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ ๑๓๐ ปี โดยในเวลา ๐๗.๐๐ นาฬิกา กระทำพิธีถวายราชสักการะและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เวลา ๐๗.๓๐ นาฬิกา เป็นประธานในพิธีสงฆ์ ณ ห้องพินิตประชานาถ ในศาลาว่าการกลาโหม จากนั้น เวลา ๑๐.๓๐ นาฬิกา พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เยี่ยมเยียนทหารซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก เมื่อ ๗ เม.ย.๖๐
นับแต่อดีตกาล กิจการทหารได้ก่อกำเนิดขึ้นพร้อมกับกำเนิดชาติไทย และได้วิวัฒนาการเรื่อยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงพิจารณาเห็นว่าการป้องกันประเทศและการดำรงไว้ซึ่งอิสรภาพ ตลอดจนบูรณาภาพแห่งชาติให้สถิตสถาพรขึ้นอยู่กับกำลังทหารที่จะต้องมีการจัดให้มีระบบที่ทัดเทียมกับอารยประเทศ ดังนั้นในครั้งนั้นจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้น เมื่อวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๐ วันที่ ๘ เมษายนของทุกปี จึงถือเป็นวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม
กระทรวงกลาโหม เป็นองค์กรหลักด้านความมั่นคง มีหน้าที่ในการปกป้องเอกราชอธิปไตย พิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในมิติอื่น ๆ อาทิ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การต่อต้านการก่อการร้าย ปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์ การจัดระเบียบสังคม การทำประมงผิดกฎหมาย ปัญหาการบินพลเรือน ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ
ในด้านการปฏิรูปกองทัพนั้น กระทรวงกลาโหมได้มีการปฏิรูปทั้งระบบการทำงาน โครงสร้าง และอัตราการจัดหน่วย เสริมสร้างความพร้อมในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ การฝึกศึกษา หลักนิยม การรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ เพื่อให้มีขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ ที่มีความหลากหลาย เหมาะสมกับ การบริหารราชการยุคใหม่ โดยได้ปฏิรูปงานด้านการวิจัยพัฒนา และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ บนหลักพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง เพื่อมุ่งสู่การผลิตใช้ในราชการ และเพื่อการพาณิชย์
นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับกองทัพมิตรประเทศ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการเผชิญกับภัยคุกคามข้ามชาติ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตลอดจนความร่วมมือในด้านอื่นๆ เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” “๑๓ ทศวรรษ กลาโหมเทิดราชา รักษ์ราษฎร์ ชาติมั่นคง”