พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม.และรมว.กห. กล่าวถึงสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศภาพรวม ในที่ประชุมสภากลาโหม ณ ศาลาว่าการกลาโหมโดยสรุปว่า

ความมั่นคงของประเทศปัจจุบันมีความสำคัญยิ่ง และมีความเชื่อมโยงกับทุกมิติของสังคม ทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งหากบ้านเมืองไม่มีความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย กลไกต่างๆของประเทศก็เดินหน้าต่อไม่ได้ จึงจำเป็นต้องร่วมกันสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนในงานความมั่นคงมากขึ้น

ความขัดแย้งทางการเมืองและความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ผ่านมา  รัฐบาลพยายามทำทุกเรื่องที่ทำได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม มุ่งเน้นให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย  โดย 2 – 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามวางรากฐานประเทศและสามารถขับเคลื่อนบริหารบ้านเมืองไปได้มาก เพราะประเทศมีความสงบเรียบร้อย

ซึ่งการมีความสงบเรียบร้อยได้ ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เพื่อให้สังคมและประชาชนส่วนใหญ่สามารถทำมาหากินได้อย่างปกติสุข

ประเทศเรามีความขัดแย้งมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ความปรองดองกันของคนในชาติ จึงมีความสำคัญยิ่ง  เพราะจะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมให้การเดินหน้าปฏิรูปประเทศเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดร่วมกันได้ โดยการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองมีความก้าวหน้าไปมาก จากการตอบรับและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน

วันนี้ จำเป็นที่เราต้องเปิดใจกว้าง รับฟังกันรอบด้าน ร่วมทบทวน เรียนรู้และทำความเข้าใจด้วยเหตุผล ที่ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติ ไปพร้อมๆกัน

ร่วมกันเดินหน้าสู่กระบวนการปรองดองที่มีประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ของประชาชนและการกำหนดกรอบอนาคตการอยู่ร่วมกันอย่างสงบและสันติสุข ซึ่งคือผลจากเป้าหมายปรองดองที่เป็นความหวังร่วมกันของทุกคนในชาติ

สำหรับการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ รัฐบาลพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม โดยไม่จำกัดเฉพาะประเทศใด แต่ต้องครอบคลุมผลประโยชน์ที่ได้รับ ทั้งระบบอาวุธ การซ่อมบำรุง การพัฒนาบุคลากร รวมทั้งในราคาที่สมเหตุผล โดยต้องเป็นไปตามแผนงานและความต้องการที่แท้จริงของแต่ละเหล่าทัพ และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมความมั่นคงในอนาคต โดยเฉพาะอาวุธทางยุทธศาสตร์ ที่ปัจจุบันทุกประเทศรอบบ้านในอาเซียนมีและใช้งาน เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางทะเลและใช้เป็นพลังอำนาจทางทหารในการต่อรอง. เพื่อผลประโยชน์ชาติในภาพรวม

001_resize 002_resize 003_resize