นายพลแพตตันนับถือในอนุศาสนาจารย์ของกองทัพ และให้พวกเขาเข้าประชุมทุกครั้งที่จะมีการตัดสินใจที่สำคัญ ท่านมักจะเรียกอนุศาสนาจารย์มาเพื่อให้ “ต่อสายตรงไปยังพระเจ้า!”
ระหว่างการรบที่บัลจ์ (Battle of the Bulge) สภาพอากาศแย่มาก นายพลแพตตัน ได้สั่งให้อนุศาสนาจารย์เขียนคำสวดเพื่ออ้อนวอนให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง บทสวดเพื่อสภาพอากาศที่ดีต่อการสู้รบนี้ได้เคยกล่าวในบทก่อนแล้ว บทสวดนั้นได้ร้องขอว่า
“โปรดยับยั้งฝนอันรุนแรงนั้น และกรุณามอบลมฟ้าอากาศที่ดีแก่เราเพื่อการรบครั้งนี้ ขอโปรดรับฟังพวกเราเหล่าทหารหาญของพระองค์ซึ่งมีพละกำลังก็ด้วยอำนาจบันดาลแห่งพระองค์ พวกเราจะบุกเข้าไปเพื่อชัยชนะ และจะจรรโลงความยุติธรรมตามความประสงค์ของพระองค์ในหมู่มวลมนุษย์และชนชาติต่าง ๆ”
นายพลแพตตันสวดมนต์บทนี้ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๗ (ค.ศ.๑๙๔๔) ปรากฏว่าพระเจ้าได้ทรงใช้เวลาเพียงสองสามวันเพื่อทำอากาศให้แจ่มใสและบรรดาทหารก็ได้กระทำ “การรุกไปข้างหน้าจากชัยชนะ สู่ชัยชนะ”
ความศรัทธาในศาสนาของนายพลแพตตันได้ปรากฏอยู่ในคำอ้างอิงของท่านเกี่ยวกับความตาย ความกลัวตายมักถูกโจมตีโดยนายพลแพตตันอยู่เสมอ “คุณเคยหยุดคิดบ้างไหมว่าความตายน่ะอาจจะตื่นเต้นมากกว่าการมีชีวิตอยู่เสียอีก? เรารู้ว่ามันเป็นอย่างไรกับการมีชีวิตอยู่ในโลก เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรหากมีชีวิตหลังจากที่ตายไปแล้ว เรารู้ดีว่ามันจะต้องมีชีวิตบางอย่างแน่หลังจากตายไป! จงมองอนาคตในแง่ดี” การบรรยายของนายพลแพตตันเกี่ยวกับความตายทำให้พวกเรามีความเชื่อมั่นมากกว่าได้ฟังบาทหลวงสวดที่โบสถ์
ผมประทับใจในความรอบรู้เรื่องไบเบิ้ลอย่างละเอียดลออของนายพลแพตตัน ความรู้ในเรื่องนี้ของท่านมีมากกว่าผู้นำทางศาสนาหลาย ๆ คนที่ผมเคยรู้จัก ผู้เขียนประวัติท่านคนหนึ่งได้กล่าวในที่ประชุมว่านายพลแพตตันสามารถกล่าวคำที่มีอยู่ในไบเบิ้ลได้มากกว่านักวิชาการทางคัมภีร์ไบเบิ้ลคนใดด้วยซ้ำสำหรับนายพลแพตตัน คัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น คือบทความสำหรับการต่อสู้
ผมจำได้ถึงคำอธิบายของท่านในเรื่อง ความกลัว และความศรัทธา พวกเรากำลังเข้าใกล้วันที่ยาวนานที่สุดแห่งปี (The longest day) ในวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๕ (ค.ศ.๑๙๔๒)พันเอกเกย์ และผมกำลังเดินทางไปที่เต็นท์ของท่านนายพล แสงสีแดงพาดผ่านฟากฟ้าด้านตะวันตก ขณะที่พันเอกเกย์ และผมเข้ามาใกล้นายพลแพตตันได้รำพึงขึ้นว่า “เป็นเวลาพระอาทิตย์ตกที่สวยงามระยำทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีเยี่ยมจริง ๆ เพียงแค่ทอดสายตามอง ทุกสิ่งทุกอย่างช่างสมดุลจริง ๆ ! สมบูรณ์ที่สุดเหมือนกับความกลัวและความศรัทธา คุณมีความหวาดกลัวอย่างมากมาย คุณต้องไขว่คว้าความศรัทธามาเพื่อให้สัมพันธ์กับความกลัว คุณมีความศรัทธามาก คุณก็ต้องมีความกลัวเพื่อทดสอบศรัทธาของคุณ พระเจ้าทำให้คุณพยายามพิชิตความกลัวเพื่อดูว่าคุณมีความสามารถในการรับศรัทธาเท่าไร พระองค์จะไม่ให้คุณมากไปที่จะสามารถเอาชนะได้ แน่ละคุณสามารถยอมแพ้ได้เสมอ และร่วงหล่นไปพร้อมกับความกลัวแต่ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ คุณก็สามารถทำลายความกลัวทั้งหมดได้ พระเจ้าดำเนินงานทั้งสองแผนก ทั้งแผนกความกลัว และแผนกความศรัทธา ถ้าซาตานมีจริงพระเจ้าก็สามารถต้อนมันได้โดยง่าย พระเจ้าไม่เคยทำสิ่งใดล้มเหลว! นั่นก็รวมถึงการฆ่าเจ้าซาตาน ความกลัวและความศรัทธาเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน ถ้าคุณไม่มีความศรัทธาเพื่อเผชิญหน้าความตายโอกาสที่คุณจะมีศรัทธาเพียงพอที่จะสู้กับการมีชีวิตต่อไปก็มีน้อย มันก็เหมือนกับการมีชีวิตอยู่อย่างครึ่งเป็นครึ่งตายนั่นเอง!”
“ท่านเห็นทั้งหมดนั่น ในดวงตะวันที่กำลังจะลับฟ้าหรือครับ ท่านนายพล?” พันเอกเกย์ถามขึ้น
“ใช่ ทั้งหมดนั่น และมีมากกว่านั้น เอาละมันก็ไม่เชิงทีเดียว ผมเพียงแต่เห็นส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของจักรวาลเท่านั้น แต่ใครก็ตามที่สามารถรวบรวมจักรวาลได้ก็จะสามารถมีแผนการที่ยอดเยี่ยมได้”
พวกเราเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ขณะดวงอาทิตย์เปลี่ยนสีเหนือเทือกเขาชอคโกแลต แห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย
ทหารทุกคนรู้ว่านายพลแพตตันห่วงใยในตัวพวกเขา ถ้าทหารกลัวตายก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเพราะนายพลแพตตันยอมรับการหวาดกลัว นายพลแพตตันซื่อสัตย์ต่อคนของท่านเท่า ๆ กับที่พวกเขาซื่อสัตย์ต่อท่าน ความจงรักภักดีแบบนี้ยากนักที่คนอื่นจะเข้าใจได้คนอื่น ๆ ไม่เชื่อว่าบรรดากำลังพลจะจงรักภักดีต่อผู้บังคับบัญชาที่หยาบกระด้างและเรียกร้องมากเกินไป นายพลแพตตันเรียกร้องเอาความตายจากทหารทุกคน หากว่ามันจำเป็นเพื่อให้ได้ชัยชนะ แต่นายพลแพตตันจะเป็นผู้มอบชีวิตเป็นคนแรก
เรื่องราวและตำนานเกี่ยวกับนายพลแพตตันมีมากมายไร้ขีดจำกัด แม้จะเป็นปีพ.ศ.๒๔๘๕ (ค.ศ.๑๙๔๒) ก็ตาม ผมจำได้ถึงนักหนังสือพิมพ์คนหนึ่งผู้ซึ่งบอกผมว่าเขาได้ตั้งใจที่จะเขียนเรื่องราวของนายพลแพตตันในแง่ตลก ผู้สื่อข่าวคนนี้ประจำอยู่กับหนังสือพิมพ์ฉบับยักษ์ใหญ่ของชาติแห่งหนึ่งเขาไม่ได้พูดถึงว่าเขาจัดการให้ตัวเองเข้ามาในศูนย์ฝึกนี้ได้ยังไง มันก็เป็นภารกิจของผมที่จะร่วมกับผู้สื่อข่าวคนนี้ระหว่างการเยี่ยมเยียนศูนย์ฝึกการรบแบบทะเลทราย เราหยุดรถจี๊ปของเราและมองไปที่ทหารราบคนหนึ่งซึ่งมีท่าทางฉุนเฉียวในขณะที่กระทืบไปบนคันสตาร์ทรถจักรยานยนต์ของเขาอยู่ ทหารคนนี้ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้สื่อข่าวที่จะถามความเห็นว่า ทำไมทหารทั้งหมดจึงรักนายพลแพตตัน
นักข่าวได้ถามขึ้นว่า “คุณคิดว่านายพลแพตตันจะได้ขึ้นสวรรค์ไหมตอนที่ท่านตายไปแล้วน่ะ?”
คำตอบมีทันที “ขึ้นแน่ถ้าท่านต้องการ แต่จะไม่ขึ้น ถ้าท่านไม่พร้อม!”
ผู้สื่อข่าวตั้งใจแหย่ให้โกรธโดยการพูดถึงในไง่ไม่ดีเกี่ยวกับนายพลแพตตัน ผุ้สื่อข่าวจึงถามว่า ทหารราบผู้นี้ว่า “คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมที่นายพลแพตตันอาจจะตกนรก?”
“ฟังไว้นะ! ถ้าเกี่ยวกับนายพลแพตตันแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งสิ้น! ถ้าท่านตัดสินใจที่จะลงนรก แน่นอนที่ผมก็ต้องการตามท่านไปเช่นกัน!” ผู้สื่อข่าวส่ายหัวในลักษณะที่ไม่อยากจะเชื่อแล้วเราก็เดินทางกลับเข้าค่าย
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับนายพลแพตตันและเกี่ยวกับความจงรักภักดีของบรรดาทหารพวกเขาชอบฟังการบรรยายของท่าน อารมณ์ขันของท่าน การหัวเราะตัวเองของท่าน และการทำให้พวกเขาหัวเราะไปกับท่าน ผมชอบเรื่องที่เสนาธิการคนหนึ่งของนายพลมาร์แชลได้ถามร้อยตรีคนหนึ่งว่า เขาเชื่อว่านายพลแพตตันสามารถเดินบนน้ำได้ไหม ร้อยตรีคนนั้นตอบว่า
“ท่านพันเอกครับ ผมรู้จักนายพลแพตตันดี ! ถ้าท่านต้องการเดินบนน้ำท่านจะหาหนทางจนได้ และภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงท่านต้องทำให้ผมเดินได้ด้วยแน่ !” เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมดนั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่มีทหารคนหนึ่งถูกถาม
“คุณคิดว่านายพลแพตตันของคุณยิ่งใหญ่มาก! คุณคิดว่าท่านจะลุกขึ้นจากหลุมศพได้ไหมเมื่อตายไปสามวันแล้ว”
“ห่ะ…ไม่มีทาง!” ทหารผู้นั้นตอบสวน และกล่าวต่อไปว่า “ทุกสิ่งที่ท่านจะทำ ท่านต้องทำมันเสร็จก่อนจะถึงสามวันแน่ ๆ! ไม่ว่าตายหรือเป็นท่านจะไม่อยู่ในหลุมถึงสามวันหรอก”
การบรรยายครั้งหนึ่งที่ผมจำได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ นายพลแพตตันได้กล่าวว่า “เรารู้น้อยมาก หรือไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสวรรค์ มันอาจจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีเยี่ยมที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมมนุษย์จึงควรจะกลัวตาย? พระเจ้าสามารถเฆี่ยนซาตานให้ยับในวันไหนของสัปดาห์ก็ได้ พลังอำนาจใด ๆ ที่สามารถรวบรวมจักรวาลเข้าด้วยกันได้ พลังนั้นก็จะสามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ผมรู้สึกขันพวกนักเทศน์ที่แท่นบรรยายและสั่งสอนเราในความประเสริฐของสวรรค์ แต่พวกเขากลับกลัวความตาย หากเราทำให้คนจำพวกนี้เจ็บเล็ก ๆนอ้ ย ๆ คนพวกนี้กอ็ าจตายได้จากความตื่นเต้นตกใจ! ถ้าสวรรค์ดีเยี่ยมจริง ทำไมคนพวกนี้จึงกลัวตายล่ะ? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับโอกาสที่จะได้ขึ้นสวรรค์และไปจากโลกมนุษย์! ทำไมพวกเขาจึงลังเลใจล่ะ? สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ก็คือความตายจะต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ ๆ!”
ท่านยิ้มตามปกติ และพูดต่อไปว่า “อย่างน้อยที่สุด ความตายจะต้องแตกต่างจากการมีชีวิตอยู่ ผมแน่ใจว่าความตายจะต้องตื่นเต้น เพราะว่ามันก็เป็นเพียงอีกแง่มุมหนึ่งของวงจรแห่งชีวิตเท่านั้น!”