เมื่อ 25 ต.ค. 61 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดทั้งระบบ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติตามนโยบายของรัฐบาล ณ ศาลาว่าการกลาโหม
สถานการณ์ยาเสพติดปัจจุบัน โดยสรุปในภาพรวม ยังคงมีสารเคมีภัณฑ์ ลำเลียงเข้าแหล่งผลิตนอกประเทศติดพื้นที่ชายแดน เมียนม่า – จีน และ เมียนม่า – ไทย อย่างต่อเนื่อง โดยไทยยังเป็นตลาดยาบ้าที่สำคัญ สำหรับยาไอซ์ เฮโรอีนและกัญชา ถูกลำเลียงผ่านไทยส่งผ่านประเทศที่สาม ซึ่งเส้นทางลำเลียงเข้าหลักยังเป็นพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปี 61 ( ต.ค. 60 – ก.ย.61 ) สามารถจับยาบ้า ได้ถึง 350 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 18.5 ตัน เฮโรอีน 900 กก.และ กัญชา 32 ตัน โดยสถิติผู้เสพและผู้บำบัดไม่สูงแบบก้าวกระโดดตามปริมาณการลำเลียงเข้าที่มีมาก สถานการณ์อยู่ในภาวะยาเสพติดล้นตลาด แนวโน้ม เฮโรอีนและคีตามีน มีการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชนมากขึ้น

ที่ประชุมกำหนดแผนบูรณาการขับเคลื่อนแก้ปัญหาร่วมกันให้เกิดผลสัมฤทธิ์ใน 3 เดือน โดยจะเร่งความร่วมมือกับเพื่อนบ้าน กวาดล้างแหล่งผลิต แหล่งพักยา และขบวนการค้ายาเสพติดนอกประเทศ และปฏิบัติการกดดันทุกรูปแบบมุ่งต่อชุมชนชายแดนที่เป็นแหล่งนำเข้า/พักยา ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งพื้นที่หมู่บ้านชุมชนแพร่ระบาดรุนแรง 2,038 หมู่บ้าน และชุมชนเมืองใหญ่ พร้อมทั้ง บูรณาการแผนลดระดับปัญหายาเสพติด จำนวน 1,000 ตำบล ควบคู่กับ การลดผลกระทบที่เกิดจากอาชญากรรมยาเสพติดโดยมีการนำผู้เสพที่มีอาการทางจิตเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู
พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ สมช. ร่วมกับ กต. และ ยธ. แสวงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการทำลายแหล่งผลิตและแหล่งพักยา และให้ สขช., ปปส. และ ปปง. เชื่อมโยงข้อมูลด้านการข่าว เครือข่ายขบวนการทั้งระบบ โดยพื้นที่ชายแดน ได้มอบให้กองกำลังป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ สกัดกั้นเข้มข้น หยุดการลำเลียงสารเคมีภัณฑ์และยาเสพติดให้ได้
สำหรับพื้นที่ชั้นใน ได้มอบให้ มท. ขับเคลื่อนกลไก ฝ่ายปกครองระดับจังหวัด อำเภอ รวมทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ต้องเข้ามามีส่วนร่วมเสริมสร้างความเข้มแข็งและเปิดพื้นที่ชุมชนสีขาวให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมทั้งมอบให้ ตร. ในทุกกองกำกับการ ต้องสำรวจ และเปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายผู้ผลิต ผู้ค้าและผู้เสพในพื้นที่ ที่ตามมาด้วยอาวุธสงครามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแหล่งชุมชนและสถานบันเทิง และให้ประสาน ปปง. ถึงความเชื่อมโยงและบังคับใช้กฎหมายทำลายเครือข่ายทั้งหมดไม่มีละเว้น สำหรับ ศธ. ขอให้ผู้บริหารให้ความสำคัญดูแล รร.และสถาบันการศึกษาให้ปลอดยาเสพติดให้ได้ หากไม่สามารถ ให้ขอการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ พร้อมท้ัง ได้กำชับ รง. ให้ความสำคัญ จัดให้มีระบบตรวจสอบเฝ้าระวัง ป้องกัน การใช้ยาเสพติดในกลุ่มแรงงานให้ครอบคลุมและเป็นผล โดย ขอให้ สธ. ร่วมดูแลขับเคลื่อนประสิทธิภาพกระบวนการบำบัดฟื้นฟู ผู้เสพ ผู้ป่วย เพื่อมิให้กลับไปเป็นปัญหาอีก

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ขอให้ กอ.รมน. เป็นกลไกกำกับดูแล และสนับสนุนทุกส่วนราชการในการขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดร่วมกันในภาพรวม ควบคู่กับ แต่งตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนบูรณาการแก้ปัญหายาเสพติด โดย มี รมช.กห. เป็นประธาน โดยให้มีการประชุมติดตามผลและรายงาน นรม.ทุกเดือน พร้อมทั้งได้กำชับโดยทั่วกันว่า ต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งย้ำถึงผลการปฏิบัติการ ถือเป็นดัชนีชี้วัด การปฏิบัติงานของหัวหน้าส่วนราชการระดับพื้นที่ทุกระดับ และถือเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นจากประชาชนไปพร้อมกัน

 

138460