พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า 1500 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห.ให้การต้อนรับ นาย Lloyd J. Austin III ( ลอยด์ เจ. ออสติน ที่สาม ) รมว.กห.สหรัฐฯ ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในฐานะแขกของ กห. ระหว่าง 12 – 14 มิ.ย. 65 ณ ศาลาว่าการกลาโหม
ทั้งสองฝ่าย ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทย – สหรัฐฯ ที่มีพัฒนาการแน่นแฟ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน และขอบคุณการสนับสนุนความร่วมมือทางทหาร พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกันต่อสถานการณ์ความมั่นคงของภูมิภาค อาทิ ปัญหาทะเลจีนใต้ และเมียนมา โดยไทยสนับสนุนการดำรงบทบาทที่สร้างสรรค์และการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และยืนยันในท่าทีของอาเซียน โดยที่ผ่านมา ไทยได้ให้การช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบเมียนมาตามหลักมนุษยธรรมต่อเนื่องมา และไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขัดแย้งที่ไม่พึงประสงค์ของภูมิภาค
ขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันและพร้อมผลักดันการสนับสนุนพัฒนากองทัพไทยให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งการฝึก ศึกษา ยุทโธปกรณ์และการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยเฉพาะ การพัฒนาศักยภาพร่วมกันด้านไซเบอร์และอวกาศ ซึ่งในปี 66 หลังผ่านความท้าทายของโควิด 19 จะได้มีความร่วมมือกัน จัดการฝึกร่วมผสมคอบบร้าโกล์ด เต็มรูปแบบ โดยจะมีการฝึกด้านไซเบอร์และอวกาศ เพื่อยืนยันและสะท้อนความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างกัน
หลังจากนั้น โฆษก กห. ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงกรณี กลุ่มของ นาย จตุพร พรหมพันธ์ุ ได้จัดเสวนาทางวิชาการที่ผ่านมา และเดินทางมาแสดงเจตนารมณ์ยื่นหนังสือกังวลต่อบทบาทของสหรัฐฯ ที่มีต่อไทย บริเวณหลัง กห.ในวันเดียวกันว่า
ขอบคุณ คุณจตุพร’ และกลุ่มผู้เสวนา ที่แสดงความห่วงใยต่อประเทศ และมีข้อสังเกตร่วมกันต่อปัญหาหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยได้เดินทางมาแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในวันนี้ด้วยความเรียบร้อย ซึ่งถือเป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถทำได้ และเป็นเรื่องดีที่สังคมตื่นตัว ตระหนักและมีส่วนร่วมงานด้านความมั่นคงและเรียนรู้ไปด้วยกัน กห.พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อสังเกตดังกล่าวด้วยใจจริง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินงานอย่างรอบคอบ
โฆษก กห.กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงนาม ในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่าง ไทย – สหรัฐฯ ว่าด้วยการเป็นพันธมิตร ด้านการป้องกันประเทศ 2020 ที่ผ่านมา เป็นเพียงกรอบแนวคิดและจุดยืนที่มีร่วมกัน มิได้เป็นสนธิสัญญา หรือมีข้อผูกพันทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติแต่อย่างใด ทั้งนี้เป็นการปรับปรุงจากแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม 2012 เดิมที่เคยมีอยู่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เน้นย้ำ ความยึดมั่นร่วมกันของไทยและสหรัฐฯ ในการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศที่มีร่วมกันมายาวนาน ภายใต้ 5 เสาหลัก ได้แก่ ความเป็นหุ้นส่วน การดำรงบทบาท ความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ยั่งยืน ความเป็นผู้นำ และกลไกความมั่นคงในภูมิภาค เพื่อป้องปรามและตอบสนองความท้าทายร่วมกัน จึงขอให้เชื่อมั่นการทำหน้าที่ในภารกิจป้องกันประเทศของ กห. ที่ยังยึดมั่นและให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ชาติและความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก