บ่ายวันนี้ (วันศุกร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. ) พันเอก Stephen Fomiatti (สตีเฟ่น ฟอมมีอาที่) ผู้ช่วยทูตทหาร เครือรัฐออสเตรเลีย /กรุงเทพฯ ได้เข้าเยี่ยมอำลา พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ณ ห้องพระบารมีปกเกล้า ในศาลาว่าการกลาโหม ในโอกาสครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมแนะนำ นาวาเอก Ritchie Cunningham (ริชชี่ คันนิ่งแฮม) ผู้ช่วยทูตทหารเครือรัฐออสเตรเลีย/กรุงเทพ ฯ ท่านใหม่
โดยปลัดกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขอบคุณและชมเชย พันเอก Stephen Fomiatti สำหรับการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งช่วยเสริมสร้างและประสานงานให้กระทรวงกลาโหมของไทยและกระทรวงกลาโหมเครือรัฐออสเตรเลีย ได้ขยายความร่วมมืออันดีระหว่างกันในทุก ๆ ด้าน สำหรับผลงานที่สำคัญ อาทิ การอำนวยความสะดวกให้กำลังพลของไทยสามารถเดินทางไปเข้ารับการฝึกศึกษาในหลักสูตรทางทหาร ณ เครือรัฐออสเตรเลีย การประสานการเดินทางไปราชการระหว่างกันทั้งของทั้งสองประเทศ การฝึกทางทหารภายใต้รหัสต่าง ๆ รวมทั้งการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส ๒ + ๒ ไทย – เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา
ในโอกาสเดียวกัน ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีต่อ นาวาเอก Gerard Ritchie Cunningham อีกครั้ง ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยทูตทหารเครือรัฐออสเตรเลีย/กรุงเทพฯ ด้วยประสบการณ์ในด้านการบิน รวมถึงการรับราชการทหารในตำแหน่งต่างๆ ด้านการต่างประเทศ ทำให้มีความคุ้นเคยกับกำลังพลและระบบการทำงานของกองทัพไทยเป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่าท่านจะสามารถสานต่อความสำเร็จของผู้ช่วยทูตทหารเครือรัฐออสเตรเลีย/กรุงเทพฯท่านปัจจุบัน และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้พบปะหารือกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของมิตรประเทศอันจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
สำหรับความสัมพันธ์ทางทหารของไทยและเครือรัฐออสเตรเลีย มีความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารที่ถือเป็นเสาหลักที่สำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งยังมีพัฒนาการที่ก้าวหน้า มาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของความร่วมมือระดับกระทรวงกลาโหม และกองทัพ มีความหลากหลาย และครอบคลุมทุกระดับ ภายใต้โครงการความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ (Defence Cooperation: DC) ซึ่งดำเนินการมากว่า ๓๐ ปี โดยกระทรวงกลาโหมเครือรัฐออสเตรเลียได้สนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือ กับไทยมาโดยตลอด ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนการเยือน การฝึกศึกษา และการพัฒนาขีดความสามารถๆในด้านต่าง ๆ รวมถึงยินดีอย่างยิ่งที่กระทรวงกลาโหมและกองทัพของทั้งสองประเทศกลับมาดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางทหารในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มศักยภาพ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) คลี่คลายลง