ในวันศุกร์ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรุณาให้คณะนายทหารที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยทูตทหาร ผู้ช่วยทูตเหล่าทัพ รองผู้ช่วยทูตทหาร และรองผู้ช่วยทูตเหล่าทัพ ณ ต่างประเทศ ประจำปี ๒๕๖๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๑๙ นาย เข้าอำลาและรับนโยบายเพื่อนำไปยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตรงตามเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี ในศาลาว่าการกลาโหม โดยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วมในพิธี
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายทหารที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศครั้งนี้ สะท้อนถึงความไว้วางใจของผู้บังคับบัญชา รวมทั้งความสามารถ ประสบการณ์และการปฏิบัติราชการที่ได้รับราชการมา ภายใต้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบัน ภารกิจที่ได้รับมอบหมายถือเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งต่อกองทัพไทยและประเทศชาติในการดำเนินการตามแนวคิดยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันประเทศ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของชาติที่พึงจะได้รับ โดยถือเป็นผู้แทนกองทัพไทยที่จะประสานงานกับกองทัพมิตรประเทศ เพื่อแสวงหาแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหาร ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมิตรประเทศให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการยกระดับความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันผ่านการดำเนินการทางการทูตฝ่ายทหาร รวมถึงส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศในอนาคต โดยขอให้ยึดถือแนวนโยบายด้านการต่างประเทศของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภา รวมทั้งนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย
นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของภารกิจในการเป็นผู้แทนทางทหาร การเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับหน้าที่อันทรงเกียรติ ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่าประเทศชาติและประชาชนจะได้รับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทและใช้ความรู้ความสามารถที่มีอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งขอให้นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนากองทัพให้มีความก้าวหน้าต่อไป