นับเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลังจากเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ หรือ State Visit โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี มีกำหนดเสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏาน ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๘ เมษายน ๒๕๖๘ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน
การเสด็จเยือนภูฏานในครั้งนี้เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองราชวงศ์ให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเสด็จพระราชดำเนินเยือนสถานที่สำคัญต่างๆ ในราชอาณาจักรภูฏาน ทำให้ทั่วโลกได้เห็นว่าสถาบันกษัตริย์ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทั้งชาวไทยและภูฏาน ภาพที่สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนคือภาพที่ประชาชนภูฏานนับแสนคนเดินเท้าขึ้นมาจากกรุงทิมพู เพื่อมารวมตัวกันเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ในการเสด็จพระราชดำเนินไปถวายพระบรมสารีริกธาตุ ณ สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดอร์เดนมาพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่เหนือหุบเขาทิมพู ซึ่งอยู่สูงจากกรุงทิมพูซึ่งเป็นเมืองหลวง โดยสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร พร้อมด้วยคณะสงฆ์ไทยและคณะสงฆ์ภูฏานฝ่ายละ ๗๔ รูป ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยตัวเลขประชากรของภูฏานทั้งประเทศอยู่ที่ ๗ แสนคน ภาพที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างสองราชวงศ์ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาอย่างช้านานหากปราศจากแรงศรัทธาย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ไทยและภูฏานได้สถาปนาทางการทูตอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ พ.ศ ๒๕๓๒ ทำให้เห็นว่าทั้งสองประเทศมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้มีความร่วมมือระหว่างกันจนทำให้ภูฏานมีโครงการที่ต่อยอดให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาทิ โครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นภูฏานในชื่อโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product – OGOP) โครงการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง และกระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ภูฏานในการพัฒนาการเกษตรพื้นที่สูงของภูฏาน เป็นต้น ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ได้เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการความร่วมมือมูลนิธิโครงการหลวงของไทยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภูฏานรวมทั้งการจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ได้ทรงทอดพระเนตรการแสดงศิลปวัฒนธรรมของภูฏาน ได้แก่ การแสดงศิลปะการยิงธนูกีฬาพื้นบ้าน และงานหัตถกรรมและสิ่งทออีกด้วย
การเจริญสัมพันธไมตรีในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความปิติยินดีและไมตรีจิตของทั้งสองประเทศ ที่เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนการเชื่อมความสัมพันธ์ที่อบอวลด้วยความรัก ความปรารถนาดี ตลอดจนความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองประเทศให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา







