พันเอก วีรยุทธ์ น้อมศิริ รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 13.00 น. พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับ นายซูซูกิ ฮิเดโอะ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น และนายโอทากะ มาซาโต เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าพบเพื่อหารือ ณ ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยการหารือครั้งนี้เป็นไปอย่างอบอุ่นและสร้างสรรค์ มุ่งย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่ดำรงมาอย่างยาวนานกว่า 138 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2430 ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อันเป็นรากฐานสำคัญของมิตรภาพที่ยั่งยืนระหว่างสองประเทศ
ในการพบปะครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความยินดีต่อพัฒนาการทางทหารที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนทางทหาร ระหว่างกระทรวงกลาโหมไทยกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เมื่อปี 2562 การลงนามความตกลงว่าด้วยการมอบโอนยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีป้องกันประเทศในปี 2565 รวมถึงการหารือด้านการเมืองและความมั่นคงไทย – ญี่ปุ่น (PM/MM) ครั้งที่ 15 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ โดยจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อันเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายด้านความมั่นคงและสถานการณ์ในภูมิภาค นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้แสดงความขอบคุณญี่ปุ่น
ที่สนับสนุนการศึกษาสำหรับกำลังพลของกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหลักสูตรนักเรียนนายร้อย และหลักสูตรเสนาธิการ ซึ่งนายทหารไทยที่จบจากสถาบันการศึกษาของญี่ปุ่นต่างได้รับการยอมรับในความสามารถ และก้าวสู่ตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ อีกทั้งยังขอบคุณที่ญี่ปุ่นได้ส่งกำลังพลเข้าร่วมการฝึกผสม Cobra Gold 2025 ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ตลอดจนเปิดโอกาสให้กำลังพลได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน
การหารือยังได้กล่าวถึงความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรอบด้าน โดยไทยได้แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแบบให้เปล่า (Official Security Assistance – OSA) จากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการเสริมสร้างความมั่นคงร่วมกัน พร้อมกันนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้ยืนยันความร่วมมือในกรอบอาเซียน โดยไทยและญี่ปุ่นจะจับคู่เป็นประธานร่วมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้าน HADR ในกรอบ ADMM-Plus ช่วงปี 2027 – 2030 ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญในการรับมือกับภัยพิบัติและความท้าทายด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค ในส่วนของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศไทยได้แสดงความขอบคุณญี่ปุ่น ที่ให้การสนับสนุนงาน Defense & Security 2023 และได้แสดงความหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการจัดงาน Defense & Security 2025 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 13 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเวทีในการกระชับความร่วมมือทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของทั้งสองประเทศ
เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น พร้อมยืนยันว่าจะคงไว้ซึ่งมิตรภาพและความร่วมมือที่ดีเช่นนี้ต่อไปอย่างมั่นคง ในโอกาสนี้ ได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของทหารและพลเรือนจากสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา พร้อมแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจต่อสันติภาพในภูมิภาค ญี่ปุ่นยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง การศึกษา และด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะการสนับสนุนความร่วมมือไทย – กัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และการสร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืนให้แก่ทั้งสองประเทศ
พันเอก วีรยุทธ์ฯ กล่าวปิดท้ายว่า การพบปะในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญ ในการกระชับความสัมพันธ์ไทย – ญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่ในมิติด้านการทหารและความมั่นคง หากยังรวมถึงความร่วมมือในกรอบอาเซียนและเวทีพหุภาคี ที่จะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ ความมั่นคง และเสถียรภาพร่วมกันในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ซึ่งจะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนในอนาคต
******************************
สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม (สนฆ.กห.) : 28 สิงหาคม 2568
29
ส.ค.
