พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษ ของรัฐบาล แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธาน ประชุมผู้แทนพิเศษ ครั้งที่ 2 ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อติดตามความคืบหน้าการ ดำเนินงานที่ผ่านมา และนำเสนอประเด็นที่จะขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาให้ประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้หลังการประชุม นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาฯ คณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล  แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบการตั้งศูนย์ส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดใช้แดนภาคใต้ภายใต้การดูแลของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วน แผนงานใน 19 โครงการของปี 2560 ชื่อว่าอยู่ในโครงการปกติของส่วนราชการ งบประมาณ 1,700 ล้านบาท พร้อมเตรียมพิจารณาเพิ่มในอีก 7 โครงการ ที่ต้องใช้งบ 774 ล้านบาท ซึ่งต้องเสนอ คณะกรรมการขับเคลื่อน การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือ คปต. ส่วนหน้า และ คณะรัฐมนตรีต่อไปเนื่องจากเป็นการขอใช้งบประมาณส่วนกลาง

สำหรับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายความมั่นคง ให้สอดรับกับโครงการพาคนกลับบ้าน พลเอกอุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ หนึ่งในคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล  บอกว่า เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของพลเอกสกล ชื่นตระกูลซึ่งได้มีการพูดคุย ศึกษาและเตรียมแก้ไข กฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ก็ยัง ต้องมีเครื่องมือสำหรับดำเนินการทำกับคนที่ยังไม่ออกจากความขัดแย้งซึ่งต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในส่วนนี้เนื่องจากการแก้ไขกฎหมายมีทั้งบวกและลบ ส่วนการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยหรือเซฟตี้โซนตนเองไม่ขอลงในรายละเอียด  เพราะเป็นความรับผิดชอบของพลเอกอักษรา เกิดผล หน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข ซึ่งขณะนี้ การพูดคุยยังไม่แล้วเสร็จ  ซึ่งส่วนตัวอยากให้ทุกอำเภอเป็นพื้นที่ปลอดภัย  แต่ก็ต้องให้เวลา ทำความเข้าใจกลุ่มผู้เห็นต่างในแต่ละระดับ

ขณะที่พลตำรวจโท ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยถึงกระบวนการสอบสวนคดีความมั่นคงในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องใช้ พนักงานสอบสวนที่มีความรู้ความสามารถ ระดับรองสารวัตรขึ้นไป ถือเป็น จำนวนที่น้อยมากยอมรับว่ามีความขาดแคนจึงต้องขอความช่วยเหลือจาก ท้องที่อื่น โดยขณะนี้มีจำนวนเพียง 138 นาย เพิ่งจะจบภารกิจในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ไปจากกระทบต่อกระบวนการทำคดีจึงได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เร่งพิจารณา โดยล่าสุดมีเพียง 30 นายที่สมัครใจอยู่ต่อซึ่งต้องมีการเปิดตำแหน่งในพื้นที่เพิ่ม

02_resize