COVID-19 (ตอนที่5)
หลังการระบาดของไวรัส COVID-19 ไปทั่วโลก ล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนว่ามีความเป็นไปได้ มากที่ไวรัสจะมีการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) โดยล่าสุดตัวเลขยอดผู้ป่วยสะสมเกิน 100,000 คนไปแล้ว ในกว่า 100 ประเทศ โดยการออกมาเตือนได้ระบุว่าการระบาดใหญ่เช่นนี้เป็นจากการที่ไวรัส COVID-19 มีการ ติดต่อได้ง่ายกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตยังคงอยู่ที่ประมาณ 3% โดยผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็น ผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตถึง 20%
หลังจากสถานการณ์ในประเทศจีนเริ่มคลี่คลาย ยอดผู้ติดเชื้อลดลง แต่การระบาดในยุโรปเป็นไปอย่างรวดเร็ว เฉพาะในอิตาลีพบผู้ติดเชื้อ 9,172 ราย (10 มีนาคม 2563) และมีผู้เสียชีวิตกว่า 500 ราย อิตาลีมีการกักกันโรค ในหลายเมืองทางตอนเหนือ ครอบคลุมแคว้นลอมบาร์เดียซึ่งมีมิลานเป็นเมืองเอก แคว้นเวเนโต ซึ่งมีเมืองเวนิส เป็นเมืองเอก และแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญ่า ซึ่งมีปาร์มาเป็นเมืองเอก ล่าสุดอิตาลีสั่งปิดเมืองทั่วประเทศ และสั่ง มาตรการ 7 มาตรการในการควบคุมโรคคือ 1. หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้า-ออกเมืองที่กำหนด ถึงวันที่ 3 เมษายน 2563 เว้นแต่มีเหตุจำเป็น 2. ผู้ที่มีอาการให้อยู่บ้านและรีบติดต่อแพทย์ประจำตัว 3. ห้ามผู้ที่อยู่ระหว่างกักกัน โรคออกนอกเคหสถาน 4. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต้องปิดให้บริการ ยกเว้นร้านขายยาและสินค้าอุปโภคบริโภค 5. ระงับการจัดงานชุมนุม งานสาธารณะ สันทนาการ กีฬา ศาสนา โรงภาพยนต์ โรงละคร ผับ 6. หยุดการเรียนการสอนทุกระดับ 7. ร้านอาหาร กาแฟ เปิดได้ตั้งแต่ 0600-1800 แต่ให้มีระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร
นักวิชาการได้ให้ความเห็นถึงการระบาดในยุโรปที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า นอกจากการที่ไวรัส COVID-19 จะมี การติดต่อแพร่กระจายได้ง่าย ยังเป็นเพราะสภาพอากาศในยุโรปเวลานี้มีอุณหภูมิต่ำ ช่วงกลางวันอยู่ที่ประมาณ 10 กว่าองศาเซลเซียส เหมาะกับการเจริญของไวรัส นอกจากนี้โดยวัฒนธรรมตะวันตกผู้ที่ไม่ป่วยมักไม่ใส่ หน้ากากอนามัย เพราะถือว่าผู้ที่ควรใส่หน้ากากอนามัยคือผู้ป่วย รวมถึงการทักทายโดยการจับมือ
สถานการณ์ในประเทศจีนมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดประกาศปิดโรงพยาบาลชั่วคราวอีก 2 แห่ง จากเดิมที่เปิด ให้บริการทั้งหมด 14 แห่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่นเพื่อตรวจดูการทำงาน ให้กำลังใจผู้ ติดเชื้อและเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง ทำให้สถานการณ์และความวิตกกังวลคลี่คลายลงไปมาก
เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 131 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 7,513 ราย เสียชีวิต 54 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อ ใหม่มีแนวโน้มลดลง
ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกวันนี้ (10 มี.ค. 2563) 114,549 ราย เสียชีวิต 4,028 ราย รกัษาหาย 64,268 ราย อันดับหนึ่งประเทศจีน อันดับสองอิตาลี อันดับสามเกาหลีใต้ อันดับสี่อิหร่าน อันดับห้าฝรั่งเศส อันดับหก
เยอรมนี อันดับเจ็ดสเปน อันดับแปดญี่ปุ่น อันดับเก้าสหรัฐอเมริกา อันดับสิบสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทั้งหมดมีผู้ติด เชื้อเกินกว่า 300 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับ 30
ประเทศไทยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 ราย รายแรกเป็นหญิง อายุ 41 ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ แต่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้านี้ที่เดินทางกลับจากประเทศอิตาลี ส่วนรายที่ 2 และ 3 เป็น สามีภรรยา เดินทางกลับจากอิตาลีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งสองคนแยกตัวอยู่บ้านแต่อยู่ด้วยกัน ตลอด สามีเริ่มมีอาการป่วยเป็นไข้และปวดเมื่อยตามตัวเมื่อวันที่ 7 มีนาคม รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 53 ราย รักษาหายแล้ว 33 ราย อาการรุนแรง 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
ทางศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศคาดการณ์การ ระบาดและมาตรการในระยะที่ 3 เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์แล้ว โดยมีการคาดการณ์เป็น 3 แบบ คือ รุนแรงที่สุด การติดเชื้อติดต่อเป็นวงกว้าง มีผู้ติดเชื้อนับสิบล้านราย ระยะเวลาการระบาดต่อเนื่องนานประมาณ 1 ปี แบบที่ 2 ชะลอการระบาดได้พอสมควร จำนวนผู้ติดเชื้อในปีนี้ประมาณ 7.3 ล้านราย และแบบที่ 3 ถ้า ควบคุมได้ดีพอ จำวนผู้ติดเชื้อในปีนี้จะมีประมาณ 20,000 ราย หลังจากนั้นจะเป็นโรคติดต่อที่เกิดตามฤดูกาล แบบเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหากมียารักษาที่ได้ผลดีหรือมีวัคซีนป้องกันก็จะบรรเทาความรุนแรงลงได้ ทั้งนี้ทาง สาธารณสุขยังคงย้ำเตือนว่าความรุนแรงในการระบาดของโรคจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่ ความเข้มข้นในการดำเนินการควบคุม การเตรียมพร้อมทรัพยากรในการป้องกันและรักษา ที่สำคัญความ ร่วมมือของคนไทยในการหลีกเลี่ยงการสัมผัสโรค งดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น รวมถึงการเดินทางต่างๆ
ประเทศที่ห้ามคนที่เดินทางจากไทยเข้าชั่วคราวตอนนี้มี 6 ประเทศ ได้แก่ การ์ตา คูเวต อิรัก บาห์เรน คาซัคสถาน อิสราเอล และอีกหลายประเทศที่มีมาตรการในการผ่านเข้าออกของคนที่เดินทางจากประเทศไทย ผู้ที่มีความจำเป็นจะเดินทางไปต่างประเทศช่วงนี้ควรตรวจสอบข้อมูลก่อน ขณะเดียวกันวันนี้ (10 มี.ค. 2563) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศหลักเกณฑ์การคืนเงินนักท่องเที่ยวที่ยกเลิกทริปทัวร์ มีผลบังคับใช้ตั้ง วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ตรวจสอบรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เรื่องหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการ กำหนดอัตราการจ่ายเงินค่าบริการคืนแก่นักท่องเที่ยว พ.ศ. 2563
13
มี.ค.