เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ คณะกรรมการจัดงาน ฯ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ฯ ทรงกราบ ต่อจากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีลเสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน ฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ฯ ต่อจากนั้น ทรงจุดไฟเทียนชนวน พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญไปตั้งที่มณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ฯ และพระราชทานไปตั้งที่มณฑป ณ หอคำหลวง อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี และวัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในโอกาสต่อไป เสร็จแล้ว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก ทรงทำนุบำรุงศาสนาทั้งปวง โดยทรงเกื้อกูล ค้ำจุนพระพุทธศาสนาภายใต้พระบรมโพธิสมภาร และเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการอุปถัมภ์กิจการของศาสนา ด้วยพระราชหฤทัยอันเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความสำคัญของศาสนา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านศาสนานานัปการ ด้วยความเลื่อมใสและพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา กับทรงมีพระราชปณิธานที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองและธำรงไว้อย่างมั่นคงถาวรสืบไป
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ รัฐบาลร่วมกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะจากสาธารณรัฐอินเดีย โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงนิวเดลี ซึ่งขุดพบที่เมืองปิปราห์วา รัฐอุตตรประเทศ เมื่อปี ๒๔๓๙ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะจากพุทธวิหารสาญจี รัฐมัธยประเทศ สาธารณรัฐอินเดียซึ่งเป็นศาสนวัตถุที่มีความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชนอินเดียและไทย รวมทั้งยังเป็นโบราณวัตถุที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ – ๓ มีนาคม ๒๕๖๗ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ จะอัญเชิญไปประดิษฐานในส่วนภูมิภาค ณ หอคำหลวง อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๔ – ๘ มีนาคม ๒๕๖๗ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ ๙ – ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗ และวัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมสักการะด้วย