ตั้งแต่ห้วง วันที่ 29 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา มีการสู้รบระหว่างกองกลังชนกลุ่มน้อย/กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา พื้นที่รอบ ฐานทหารเมียนมา ฐานฯ อุเกรทะ อ.วาเลย์ใหม่ จ.เมียวดี ด้านตรงข้ามฝั่งไทย บ.วาเลย์เหนือ ม.2 ต.วาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก ทำให้มีประชาชนชาวเมียนมาขออพข้ามชายแดนมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวโกดังเอกพันธ์ กว่า 148 คน และ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และกิ่งกาชาดอำเภอพบพระ ได้ประสานงานดูแลตามหลักมนุษยธรรม ตามแนวทางของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ นั้น
และ ตามที่ปรากฎข่าวสาร เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา กองกำลังชนกลุ่มน้อย/กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา สามารถควบคุมพื้นที่บริเวณ ฐานฯ อุเกรทะ ของทหารเมียนมา อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี ได้แล้วนั้น
กองกำลังนเรศวร โดย ผู้บังคับกองบังคับการควบคุม หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับ อำเภอพบพระ, กิ่งกาชาดอำเภอพบพระ, สถานีตำรวจภูธรพบพระ และผู้นำชุมชนฝั่งไทยและเมียนมา ได้พบปะพูดคุยให้ข่าวสารถึงสถานการณ์และความปลอดภัยในปัจจุบัน จึงทำให้ผู้หนีภัยความไม่สงบคลายความกังวลใจ มีความประสงค์ขอเดินทางกลับมาตุภูมิ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก จึงประสานงานร่วมอำนวยความสะดวกแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวโกดังเอกพันธ์ จำนวน 130 คน(บางส่วนมีการเดินทางกลับก่อนหน้านี้) เดินทางกลับมาตุภูมิด้วยความสมัครใจ
ทำให้ปัจจุบันคงเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาที่ขอพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวโกดังสหกรณ์การเกษตร อ.พบพระ เพียง 1 แห่ง จำนวน 333 คน
ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร, หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34 และฝ่ายปกครอง อ.พบพระ ยังคงความเข้มข้นในการลาดตระเวน, การเตรียมความพร้อมของอาวุธยิงสนับสนุนตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน อย่างเต็มกำลัง ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากพื้นที่อื่นยังมีเหตุการณ์การสู้รบ
กองกำลังนเรศวร แจ้งให้ทราบว่า ประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย และไม่สนับสนุนให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นพื้นที่สนับสนุนผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง หากมีบุคคลฝั่งเมียนมาได้รับผลกระทบจากความไม่สงบไม่ว่าฝ่ายใด เจ้าหน้าที่ไทยทุกฝ่ายมีหน้าที่ดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้อธิปไตยไทยโดยไม่เลือกปฏิบัติ และ ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ สื่อมวลชน และทุกภาคส่วน ในการพิจารณาข่าวสารข้อเท็จจริงก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชน
ที่มา: กองทัพบก





