รัฐบาลลุยเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้กับประชาชนต่อเนื่อง เข้มปราบปรามอิทธิพลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาก่ออาชญกรรมทำลายภาพลักษณ์ประเทศ กำชับเจ้าหน้าที่ไม่ให้แสวงประโยชน์โดยเด็ดขาด

23380325_686695428203957_5904348040152337906_n

12 พ.ย.60 …. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกห. เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยฝ่ายความมั่นคง ยังคงเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะ การปราบปรามผู้มีอิทธิพลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาก่ออาชญกรรมทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งปัจจุบัน พบตัวเลขชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ( Over Stay ) ประมาณเกือบ 100,000 คน

โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม.และรมว.กห. ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานทั้ง ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มข้นในการติดตามและกวาดล้าง เครือข่าย อาชญกรรมข้ามชาติทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแฝงตัวของอาชญากรในรูปแบบต่างๆที่เข้ามาในลักษณะนักท่องเที่ยว และย้ำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบระบบข้อมูลเข้าออก รวมทั้งเพิ่มมาตรการกำกับ ติดตาม ควบคุมและดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม กับบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ซึ่งมีตกค้างอยู่ในประเทศจำนวนมาก พร้อมทั้ง กำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องและแสวงประโยชน์โดยเด็ดขาด

พล.ท.คงชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคง ได้ดำเนินการกวดขัน ตรวจสอบและจับกุมการแฝงตัวของอาชญกรข้ามชาติในลักษณะนักท่องเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆที่ประชาชนแจ้งข้อมูลเบาะแส ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่กทม. เช่น ย่านนานา พระโขนง อ่อนนุช รามคำแหง รวมทั้งพื้นที่ชายแดนและเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ พัทยา สงขลา ภูเก็ตและสมุย เป็นต้น โดยพบการรวมกลุ่มก่ออาชญกรรมข้ามชาติและในประเทศหลายรูปแบบ เช่น การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้ามนุษย์และการค้าประเวณี การผลิตหนังสือเดินทางและบัตรเครดิตปลอม การจำหน่ายเพชรปลอม การเปิดบ่อนพนันออนไลน์ การเปิดศูนย์ติดต่อหลอกลวงโอนเงิน เป็นต้น ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมากที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุมและทำประวัติแล้วกว่า 300 ราย ยึดของกลางได้จำนวนมาก ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่ร่วมสนับสนุนข้อมูลและติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลตามนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมเฝ้าระวัง