ปัจจุบันเป็นที่ทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีถึงสถานการณ์ เกี่ยวกับการก่อการร้ายโดยถือว่าผู้ก่อการร้ายเป็นศัตรู ร่วมของประชาคมโลก เราจะได้ยินบ่อย ๆ ถึงการกล่าวว่า จะหาวิธีการอย่างไร ในการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายให้ ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้ก่อการร้าย ก็คิดหา หนทางและวิธีการให้การก่อการร้ายในการโจมตีหน่วยงานต่าง ๆ ของ รัฐบาลและประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่นกัน ขณะนี้ทั้งองค์การสหประชาชาติมีการจัดทำอนุสัญญาเกี่ยวกับ การร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย ๑๒ ฉบับ ในส่วน ของประชาคมอาเซียนก็มีการจัดทำอนุสัญญาร่วมมือกันป้องกันและ ปราบปรามการก่อการร้ายเหมือนกัน
ในอนุสัญญาต่าง ๆ ข้างต้นก็จะมุ่งให้ความสำคัญกับการกล่าวอย่าง สละสลวยเรียกร้องให้มีการร่วมมือหรือประสานงานของประชาคมโลก ในการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย แต่พบได้ว่าจนถึงบัดนี้ไม่มีอะไรใหม่ ในการแถลงต่อสื่อมวลชน ส่วนใหญ่พยายามคิดค้นคำกล่าวในการ แถลงต่อสื่อมวลชนเพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นว่าหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลหรือองค์การระหว่างประเทศปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง และ มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย และรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทราบเป็นอย่างดีเกี่ยวกับหนทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างมี ประสทิธภิาพ โดยมกัจะใชค้ำกลา่ววา่ “เราตอ้งแกท้รี่ากเหงา้ของปญัหา” ซงึ่เปน็ทยี่อมรบัและเหน็ดว้ยจากทกุคนและทกุภาคสว่น ๑๐๐% วา่เปน็คำที่สละสลวยดูดี แต่การปฏิบัติจริงคืออะไร มีหรือไม่ เพียงใด ที่ผ่านมา รัฐบาลต่าง ๆ ได้ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของ อนุสัญญาข้างต้นหรือไม่ รวมทั้งได้ดำเนินการตามที่ประชาชนคาดหวัง หรือไม่ เพราะประชาชนกำลังสงสัยว่ารัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ทำไมใช้เวลานานมากในการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย เพราะการ โจมตีทำร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยผู้ก่อการร้ายยังคงเกิดขึ้นทุกวัน ในโลกน ี้ซงึ่แสดงให้เห็นได้ว่ายทธศาสตร์การดำเนินการ วิธีการคิด วิธีการ และกฏหมายที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อบกพร่อง เมื่่อเรากล่าวถึงการปฏิบัติการ หรือการดำเนินการอย่างแท้จริงนั้น ส่วนใหญ่มักหมายถึงเครื่องมือ อุปกรณ์พิเศษ การดำเนินกลยุทธ์แบบพิเศษ และเทคนิคพิเศษในการ ป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย เป็นที่ยอมรับว่าเรื่องที่กล่าว มาข้างต้นจำเป็นและสำคัญ แต่การปฏิรูปหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องสำคัญที่มิอาจละเลยได้เช่นกัน เพื่อเสริมสร้าง ให้การร่วมกันป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายตามอนุสัญญาต่าง ๆ มีประสิทธิภาพภายใต้หลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนยิ่งขึ้น พิจารณาเห็นว่าจำเป็นจะต้องมีการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังใน ขณะนี้ให้ทันการและมีการติดตามประเมินผลจากการปฏิรูปกฏหมายในภายหลังด้วย ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศจะ ต้องพิจารณาทบทวนกฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง นอกเหนือจากเรื่องเครื่องมืออุปกรณ์ เทคนิค และการดำเนินการ กลยุทธ์ใหม่ ๆ โลกปัจจุบันให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องใหม ่ คือ นวัตกรรม ซึ่งก่อให้เกิดคำถามว่า เราให้ความสนใจเพียงพอแล้ว หรือยังที่จะปฏิรูปกฎหมายพร้อมกับนวัตกรรมในเรื่องต่าง ๆ อาจจะไม่ แปลกใจหาก “นวัตกรรม” จะหมายความว่า การกระทำการเพื่อให้ มีสิทธิประโยชน์หรือเพื่อให้เกิดเงินตอบแทน นวัตกรรมจะเกี่ยวข้อง กับทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งหมายความว่า ผู้ประดิษฐ์คิดค้นหรือเจ้าของ กรรมสิทธิ์สามารถทำเงินได้จากนวัตกรรมของตนเองในช่วงระยะเวลา หนึ่ง แต่เป็นเรื่องยากที่การปฏิรูปกฎหมายจะก่อให้เกิดสิทธิประโยชน์ หรือผลประโยชน์เงินตอบแทนเช่นนวัตกรรม ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิรูป กฎหมายยังก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ นอกจากนั้น ความชัดเจนที่ว่านวัตกรรมในการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมืออุปกรณ์ใน การป้องกันปราบปรามการก่อการร้ายเป็นสิ่งดึงดูดใจเนื่องจากมีสิทธิ ประโยชน์และเงินตอบแทนเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วยังเป็นสิ่งของทรัพย์สิน ที่จับต้องได้และเห็นผลทันตา ส่วนการปฏิรูปกฎหมายเป็นนามธรรม ไม่อาจจับต้องหรือเห็นผลได้ทันที เช่น นวัตกรรมในการประดิษฐ์คิดค้น เครื่องมืออุปกรณ์ ซึ่งเป็นการคิดที่ไม่ถูกต้องในการให้ความสำคัญ ต่อการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อป้องกันและปราบปราม การก่อการร้ายมากกว่าการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ต้องยอมรับ ข้อเสียหรือข้อด้อยของการปฏิรูปกฎหมาย คือ ใช้เวลานานเกินไปใน การยกร่างกฎหมายหรือปรับปรุงให้ทันสมัยเหมาะสม โดยต้องยอมรับ ว่าการยกร่างกฎหมายไม่อาจเร่งรัดได้ การยกร่างกฎหมายจะต้องใช้ เวลาจึงจะครบถ้วนและสมบูรณ์ แต่ผู้ร่างกฏหมายจะต้องคำนึงว่าในบางสถานการณ์ความยุติธรรมจะต้องรวดเร็วทันการ ดังนั้นผู้ร่างกฎหมาย จะต้องหาหนทางที่ดีที่สุดให้ทันเวลาร่างกฎหมายที่สมบูรณ์ครบถ้วน ออกมาเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม ซึ่งผู้ร่างกฎหมายไม่อาจดำเนินการได้ฝ่ายเดียว จะต้องให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการ บังคับใช้กฎหมาย หน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง และนักวิชาการมีส่วนร่วม ในการปฏิรูปกฎหมายด้วย แต่เนื่องจากผู้ร่างกฎหมายไม่อาจได้รับ สิทธิประโยชน์หรือเงินตอบแทนจากการร่างกฎหมายเหมือนผู้คิดค้น นวัตกรรมด้านทรัพย์สินทางปัญญาได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงาน ของผู้ร่างกฎหมาย รัฐบาลควรให้สิทธิประโยชน์หรือเงินตอบแทนแก่ ผู้ร่างกฎหมายเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
สำหรับกฎหมายภายในที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิรูปมีประเด็นสำคัญ ที่ควรพิจารณาในรายละเอียด ดังนี้
๑. หลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลมักจะหลีก เลี่ยงเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะมักเป็นเป้าหมายถูกวิจารณ์หรือโจมตีจาก องค์การเอกชนพัฒนา องค์การระหว่างประเทศ นักวิชาการ นักกิจกรรม ที่รณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชน เนื่องจากรัฐบาลก็ถูกวิจารณ์และโจมตี เพียงพอแล้วในเรื่องอื่น ๆ แต่หลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่อง ที่ท้าทายอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องกล้าหาญพอที่จะเข้ามาดำเนินการให้การ ป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายมีประสิทธิภาพและได้ผลเท่าที่ ควร เป็นที่ยอมรับว่าการก่อการร้ายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้น ควรจะต้องมีการระงับสิทธิบางประการชั่วคราวของผู้ต้องสงสัยว่าเป็น ผู้ก่อการร้ายหรือผู้ถูกควบคุมตัว เช่น การช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย จากทนาย การเยี่ยมของญาติ เฉพาะในช่วงระยะเวลาแรก ๆ ของการ ถูกควบคุมตัว โดยมีเหตุผลประกอบการระงับสิทธิข้างต้นชั่วคราว ดังนี้ ประการแรก ขบวนการก่อการร้ายเป็นองค์กรที่ใหญ่มีบุคลากรมากมาย มีการเงินสนับสนุน มีการข่าวกรองที่ดีกับมีเครือข่ายกว้างขวาง เมื่อ หน่วยงานของรัฐต้องเข้ามาดำเนินการกับสถานการณ์ปกติธรรมดา ก็ สามารถใช้เครื่องมือหรือกลไกปกติธรรมดาเข้ามาจัดการ แต่เมื่อเจอ สถานการณ์พิเศษ ก็ย่อมต้องการเครื่องมือหรือกลไกพิเศษ ไม่สามารถ ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ธรรมดา การดำเนินกลยุทธ์แบบธรรมดา เทคนิค ธรรมดาและกฎหมายธรรมดาเข้ามาดำเนินการได้ หากหน่วยงานของ รัฐอนุญาตหรือยินยอมให้ทนายซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคลากรของเครือข่าย การก่อการร้ายเข้ามาเยี่ยมผู้ถูกควบคุมได้ ย่อมก่อให้เกิดช่องทางการ ปรึกษาหารือเพื่อวางแผนการก่อการร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้อีก แม้ว่าจะถูกควบคุมในที่คุมขังก็ตาม ทั้งนี้ ผู้ถูกควบคุมยังมีสิทธิได้รับการ ชว่ยเหลอืทางกฎหมายจากทนาย โดยหนว่ยงานของรัฐอาจจัดทนายจากหน่วยงานที่เป็นกลางและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป เช่น สภาทนายความ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับขบวนการก่อการร้าย เข้ามา ช่วยเหลือและให้คำแนะนำทางกฎหมาย รวมทั้งไม่ควรอนุญาตให้ญาติ เข้าเยี่ยมผู้ถูกควบคุมในช่วงแรกโดยมีเหตุผลเดียวกับการไม่ให้ทนาย เข้าพบในช่วงแรกเช่นกัน แต่หน่วยงานของรัฐควรอนุญาตให้บุคลากร ทางการแพทย์จากหน่วยงานที่เป็นกลางเข้าพบผู้ควบคุมเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้ถูกควบคุม เช่น สภากาชาดไทย โดยจะอนุญาตให้ญาติเข้าพบหรือเยี่ยมได้ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม สิทธิมนุษยชนพื้นฐานอื่นของผู้ถูกควบคุมจะต้องได้รับการคุ้มครอง ปกป้องจากหน่วยงานของรัฐตลอดระยะเวลาถูกควบคุม เช่น การไม่ถูก ทรมานทารุณกรรมหรือโหดร้าย การระงับสิทธิชั่วคราวทั้งสองข้างต้น ไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใดด้วยเหตุผลสองประการ ดังนี้ ประการแรก เมื่อพิจารณาถึงคำนิยามความหมายของ “หลักนิติธรรม” ซึ่งหมายความว่า การตรากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่ทันสมัย เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันและเป็นที่ยอมรับของสังคม ในกรณีที่ กฎหมายทมี่อียไู่มม่บีทบญัญตัหิรอืมาตรการตอบสนองต่อความต้องการ ที่แท้จริงของสังคมหรือเป็นปัญหาอุปสรรคในการปกป้องคุ้มครองสังคม รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบในการแก้ไขปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ประการที่สอง รัฐบาลและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องมีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์และฟื้นฟูให้ ประชาชนสามารถใช้ชีวิตตามปกติสุขเช่นเดิมโดยปราศจากความหวาด กลัวจากการก่อการร้าย การคุ้มครองปกครองประชาชนส่วนใหญ่นั้น ในขณะเดียวกันการระงับสิทธิชั่วคราวบางประการของผู้ต้องสงสัย ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นหนทางที่ดีและเหมาะสมมีเหตุมีผลในการ แก้ไขปัญหาการก่อการร้าย สิทธิของสังคมในภาพรวมย่อมเหนือ หรือสูงกว่าสิทธิของปัจเจกชน การระงับสิทธิชั่วคราวข้างต้นไม่ได้มี ผลกระทบต่อสาระสำคัญของสิทธิและเสรีภาพในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือในสภาวการณ์พิเศษแต่อย่างใด การระงับสิทธิชั่วคราวดังกล่าว ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนเมื่อเราต้องดำเนินการเพื่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของสาธารณะหรือสังคมซึ่งมี สถานะสูงกว่าการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยทั่วไป ระดับของความ ปลอดภัยและความมั่นคงของสาธารณะและสังคมจะสูงและเหนือกว่า ระดับการรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานการณ์ปกติ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐจะต้องให้ความมั่นใจว่าการละเมิดสิทธิ มนุษยชนพื้นฐานเช่นการทรมานทารุณกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อ ผู้ถูกควบคุม จะต้องได้รับการลงโทษทางอาญา
๒. สมควรพิจารณาทบทวนมาตรการการลงโทษผู้ก่อการร้าย เมื่อพิจารณาภายใต้หลักอาชญวิทยาและทัณฑวิทยา จะต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่กฎหมายไม่ค่อยเข้าใจและมีความรู้เพียงพอ แต่ถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิจารณาทบทวนให้ทันสมัยและเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน หลักการหรือสาระสำคัญของหลักทั้งสองข้างต้นคือการควบคุม หรือจำกัดสิทธิและเสรีภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในร่างกายและชีวิตของ ผู้กระทำผิดให้หลาบจำไม่กระทำผิดอีก ซึ่งการถูกจำกัดเสรีภาพหรือ การลงโทษต่อชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา เรื่องทั้งสองเป็นการป้อง ปรามไม่ให้กระทำผิด แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันผู้ก่อการร้ายไม่ได้กังวล หรือเป็นห่วงผลกระทบต่อเสรีภาพในร่างกายและชีวิตจากการถูกลงโทษ แต่อย่างใด เพราะปรากฏข้อเท็จจริงจากระเบิดพลีชีพที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้น สมควรพิจารณาทบทวนว่าระบบการลงโทษในปัจจุบันทั้งการ จำคุกและการประหารชีวิตเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด มาตรการลงโทษ ใหม่อะไรที่เราต้องการเพื่อมาทดแทนการจำคุกหรือการประหารชีวิตที่ จะทำให้ผู้ก่อการร้ายเกรงกลัวแล้วไม่กล้าจะโจมตีทำลายชีวิตประชาชน ผู้บริสุทธิ์ต่อไป พวกนักกฎหมายไม่มีคำตอบหรือมาตรการในเรื่องนี้ นักอาชญาวิทยาและนักทัณฑวิทยาควรต้องไปศึกษาค้นคว้าหาคำตอบ และมาตรการโดยไม่ควรใช้เวลานาน ตัวอย่างกรณีศึกษาสำหรับนำไป๕ึกษาค้นคว้าหรือเปรียบเทียบ เช่น กฏหมายที่ลงโทษผู้ปกครองจากกรณีที่บุตรไปขับขี่รถยนต์ โดยดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ควรนำมาศกึษาวา่จะ เหมาะสมหรอืไม่ หากผใู้ดไปโจมตทีำลายประชาชนผบู้รสิทุธบิ์ดิามารดา ของผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษด้วย หรือยกระดับเพิ่มขึ้นให้รวมไปถึงญาติพี่น้องของผู้ก่อการร้ายด้วยที่จะถูกลงโทษ ซึ่งหลักการลงโทษข้างต้นมีในอดีต ที่เรียกว่าการลงโทษเจ็ดชั่วโคตร เราสามารถเห็นและประจักษ์ในหลาย เรื่องว่าบางครั้งสิ่งของสมัยก่อนหรือแฟชั่นสมัยก่อนอาจกลับมาเป็นที่ นยิมใหม่ เช่น ทรงผม เสื้อผ้า หรือรถยนต์ แต่ต้องไม่ลืมให้สิทธิประโยชน์ บางประการหรือเงินตอบแทนแก่นักอาชญาวิทยาและนักทัณฑวิทยาใน การคิดค้นมาตรการใหม่ขึ้นมา
๓. การปกป้องและคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย สมควรพิจารณาว่า โครงการหรือกฎหมายคุ้มครองพยานในขณะนี้สามารถจะป้องกันภัย คุกคามจากผู้ก่อการร้ายอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ต้องแก้ไขปรับปรุง เราต้องตระหนักว่าขบวนการก่อการร้ายนั้นเป็น องค์กรที่มีการบริหารจัดการอย่างดีทั้งการข่าวกรอง เครือข่ายทั่วโลก และเงินสนับสนุนมหาศาล ดังนั้น มาตรการในการคุ้มครองปกป้องจาก การแก้แค้นของผู้ก่อการร้ายควรจะต้องแตกต่างจากการปกป้องพยาน ที่ถูกข่มขู่หรือปองร้ายโดยอาชญากรธรรมดา รัฐบาลและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องควรจะต้องจัดหาอุปกรณ์พิเศษและระยะเวลาที่ยาวนานกว่า ทั้งคุ้มครองและปกป้องพยานในคดีการก่อการร้ายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของ รัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ผู้พิพากษา อัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งญาติพี่น้องด้วย ซึ่งต้องการใช้ทรัพยากรและค่าใช้จ่ายกับทักษะ พิเศษมากกว่าธรรมดา
นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ขอนำเสนอสูตรหรือสมการที่ไม่ได้เป็นสูตรหรือสมการที่มีชื่อเสียงเช่นของนายอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (E = Mc2) แต่สูตรหรือสมการนี้ คือ “การ ก่อการร้าย (ความรุนแรงหรือระเบิดพลีชีพ) = อุดมการณ์ + ความ เกลียดชัง + ความโกรธ + ความเคียดแค้น” ดังนั้น หากส่วนประกอบใด ส่วนประกอบหนึ่งข้างต้นไม่ครบถ้วน สูตรหรือสมการ (การก่อการร้าย) ข้างต้นก็ไม่อาจเกิดขึ้นได
สรปุ ปจัจบุนัตอ้งการปฏริปูกฎหมายทเี่กยี่วขอ้งอยา่งจรงิจงัพรอ้มกบั นักอาชญาวิทยาและนักทัณฑวิทยา และควรมีหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการปฏิรูปกฎหมายด้วย สิทธิบางประการอาจถูกระงับชั่วคราว มาตรการและวิธีการลงโทษผู้ก่อการร้ายอย่างได้ผลเป็นสิ่งที่ต้องการ เป็นอย่างยิ่ง และทั้งหมดข้างต้นควรต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วภายใต้ หลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนเพื่อการคุ้มครองปกป้องที่ดีกว่าเดิม ต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยให้การร่วมกันข้างต้นเป็นการคิดค้น จัดทำนวัตกรรมขึ้นมาด้วยกัน หากร่วมมือกันทำสำเร็จผู้ที่มีส่วนร่วมใน การนำความปลอดภัยและความมั่นคงมาสู่สาธารณะและสังคมรวมทั้ง ประชาคมโลกอาจไดร้บัรางวลัโนเบล อยา่งไรกต็ามปญัหาการกอ่การรา้ย ไม่อาจแก้ไขโดยการปฏิรูปกฎหมายอาชญาวิทยา หรือทัณฑวิทยา หนทางที่ดีที่สุดคือไม่ให้มีองค์ประกอบของสูตรหรือสมการ “การก่อ การร้าย” ข้างต้นครบถ้วนจะดีกว่า