ไม่มีการตัดสินใจที่ดีเกิดขึ้นบนเก้าอี้หมุน การประชุมฝ่ายเสนาธิการจะยืดยาวไป อีกเป็นชั่วโมง ถ้ามีนายทหารฝ่ายเสนาธิการ คนใดพูดขึ้นว่า “การตกลงใจของเราในกรณีนี้ มีพื้นฐานมาจากสมมุติฐานที่ว่า…..”

นายพลแพตตัน จะขัดจังหวะขึ้น “เฮ้! หยุดก่อน! เราจะไม่สมมุติอะไรทั้งนั้น ท?าไมเราไม่สามารถรวบรวมข้อเท็จจริงได้ล่ะ จะได้ไม่ต้องสมมุติ?”

ถ้านายทหารฝ่ายเสนาธิการผู้นั้นสามารถ ให้คำอธิบายที่มีเหตุผลหนักแน่นได้ นายพล แพตตันก็จะพอใจ แต่ถ้าไม่ มันก็จะเป็นวันที่ นายทหารผู้นั้นจะไม่สามารถลืมเลือนได้เลย นายพลแพตตันสั่งสอนเสมอว่า

“จงรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด เราต้องมี ข้อเท็จจริงเพื่อการตัดสินใจ การตัดสินใจที่ไม่ วางพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริงจะไม่ใช่การตัดสินใจอย่างแน่นอน! ไม่มีการตัดสินใจที่ดีเกิดขึ้น บนเก้าอี้หมุน! จงลุกจากเก้าอี้ และไปหาข้อ เท็จจริง! จงรู้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริงที่จะใช้เป็น พื้นฐานในการตัดสินใจ”

จะมีคนหัวเราะ แต่นายพลแพตตันก็ยัง พูดต่อ

“ผมหมายความตามนั้นจริง ๆ ! ไม่มีการ ตัดสินใจที่ดีเกิดขึ้นบนเก้าอี้หมุน! การตัดสินใจ ที่เกิดขึ้นบนหลังม้าดีกว่าการตัดสินใจที่เกิดขึ้น บนเก้าอี้หมุน คนที่นั่งบนเก้าอี้หมุน เลือดลมจะไหลเวียนได้ไม่ดีนักหรอก ไม่มีอะไรที่ไหลขึ้นสู่ลมองหลังจากนั่งได้ยี่สิบนาทีมันสมองทั้งหมดของเขาจะไหลลงไปอยู่ในรองเท้า จงลุกจากเก้าอี้หมุน และไปตรวจดูให้รู้ว่ากำลัง เกิดอะไรขึ้น!”

วันหนึ่งก็มีนายพันเอกถูกนายพลแพตตัน เล่นงาน พันเอกผู้นั้นได้อธิบายว่า

“ท่านนายพล เราไม่สามารถคาดการณ์ สภาพอากาศได้ เราจึงต้องสมมุติสภาพ ภูมิอากาศโดยเฉลี่ย”

“ไม่ได้” นายพลแพตตันตอบโต้ “เราอาจจะรอสักสองสามชั่วโมง ก่อนที่เรา จะเคลื่อนก?าลัง”

“งั้นทำไมเราถึงมาพยายามที่จะตัดสินใจ เดี๋ยวนี้ล่ะ? คุณได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่พยากรณ์ อากาศหรือเปล่า ….. คนที่จะบอกเราได้ ทั้งหมดว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาพูดว่า อย่างไร?”

“ผมไม่ได้ติดต่อกับพวกเขา ผมเพียงแต่ สมมุติสภาพอากาศโดยเฉลี่ย”

“เรามีชีวิตของผู้คนมากมายกำลังแขวน อยู่กับการตัดสินใจของเรา! เราไม่สามารถ สมมุติอะไรได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ในทะเลทราย หรือในสนามรบจริง ๆ เราต้องมีข้อเท็จจริง คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคุณทำการตกลงใจแล้วมีคนจำนวนหลายร้อยถูกฆ่าตาย? คุณต้องการ ที่จะพยายามสมมุติว่าพวกเขาไม่ตายรึ? อย่าลืมซิ ท่านพันเอก ว่าชีวิตที่คุณรักษาไว้น่ะ อาจจะเป็นชีวิตของคุณเอง!”

นายพลแพตตันต้องการข้อเท็จจริงแน่นอน ในทุก ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยุทธ์ ท่าน ต้องการน้ำหนักที่แน่นอนของน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวนหนึ่งแกลลอน ทั้งขณะที่มันร้อนและ ขณะที่มันเย็น! ท่านต้องการให้ฝ่ายเสนาธิการ ของท่านรู้ในทันทีว่ากองพลยานเกราะจะใช้ น้ำมันกี่แกลลอนในการเคลื่อนที่ไประยะทาง ห้าสิบไมล์ ท่านต้องการน้ำหนักที่แน่นอนของ อาหารที่ใช้ในหนึ่งวัน สิบวัน และกี่วันก็ได้ที่ ท่านต้องการทราบ

นายพลแพตตันได้กล่าวว่า “จงอย่ามองหน้ากันแล้วพูดว่า นี่ถ้าเพียง แต่เราได้รู้สักหน่อยละก็ ! เราจะต้องรู้เสมอ” ผมจำได้ถึงครั้งหนึ่งที่พวกเราไม่ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดแก่นายพลแพตตัน ถ้าหากกองทัพเรือญี่ปุ่นเปลี่ยนเป้าหมายในมหาสมุทรแปซิฟิก นั่นก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ สงครามโลกครั้งที่สองอย่างน่าประหลาดใจ ทีเดียว ในฤดูร้อนของปี พ.ศ. ๒๔๘๕ (ค.ศ. ๑๙๔๒) กองทัพเรือญี่ปุ่นมีแสนยานุภาพในการบุกตะลุยอย่างมหาศาลในมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศเม็กซิโกเพิ่งประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เมื่อหัวหน้าเสนาธิการฝ่ายข่าว (G-๒) รายงาน ถึงกองกำลังเฉพาะกิจหน่วยนี้ นายพลแพตตัน ก็สั่งให้ทหารทุกคนเตรียมพร้อมระดับสูงสุด เพื่อเตรียมป้องกันอ่าวแคลิฟอร์เนียตอนล่าง

นายพลแพตตัน สรุปว่า

“มีโอกาสที่เราจะจัดการกับข้าศึกแล้ว! เม็กซิโกในขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม เม็กซิโก ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากญี่ปุ่นได้ เลย ชายหาดตอนล่างของอ่าวแคลิฟอร์เนีย เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมมากในการยกพลขึ้นบก ของกองกำลังโจมตีขนาดใหญ่ คนเป็นล้าน สามารถปล่อยลงได้บนชายหาดนั้น มันก็ง่ายที่จะเข้าถล่มรัฐเม็กซิโก ลอสแอนเจอลิสอยู่ห่าง จากเม็กซิโกนิดเดียว โอเรนช์เคาน์ตี้ และลอส แอนเจอลสิเปน็สถานทผี่ลติเครอื่งบนิสว่นใหญ่ ของประเทศเรา ไอ้โง่ที่ไหนก็สามารถรู้ได้ว่า ที่นี่คือเป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับญี่ปุ่น ถ้าพวก มันสามารถถล่มโรงงานผลิตเครื่องบินของเรา และยึดหัวหาดแคลิฟอร์เนียได้ เราก็จะอยู่ใน ภาวะสงครามอีกนานทีเดียว เราต้องเตรียมที่ จะเผชิญกับไอ้ลูกไม่มีพ่อพวกนั้นบนชายหาด ของเม็กซิโก”

ความตื่นเต้นของเราไม่ได้ลดลงเลยเมื่อ ปรากฏว่ากองกำลังเฉพาะกิจของญี่ปุ่นกำลัง มุ่งหน้าสู่อลาสก้า

“อลาสก้าไม่ใช่เป้าหมาย! มันต้องการเบี่ยง เบนความสนใจของเรา พวกมันจะไม่ยกพลขึ้น บกที่อลาสก้า พวกมันจะโจมตีเม็กซิโก ไม่เคย มีสงครามใดที่เกิดขึ้นใกล้กับอาร์คติคเซอร์เคิล (Arctic Circle) (บริเวณขั้วโลกเหนือที่เป็น น้ำแข็ง) ไอ้พวกเปรตนั่นจะต้องโจมตีเม็กซิโก” นายพลแพตตันได้เปล่งเสียงขึ้น

พวกเรามีข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับ เม็กซิโก เรารู้จักถนน ทางรถไฟ ชายหาด สภาพพื้นผิวดิน จ?านวนประชากรในเมือง ต่าง ๆ เรามีทุกสิ่งทุกอย่างในมือ ศูนย์ฝึกการ รบแบบทะเลทรายของเราอยู่ห่างจากตอน เหนือสุดของอ่าวแคลิฟอร์เนียไม่ถึงหนึ่งร้อย ไมล์ พวกเราเตรียมพร้อมเต็มที่ ไม่มีใครนอน หลับในชุดนอน ทุกคนนอนในเครื่องแบบ ใช้ หมวกเหล็กเป็นหมอน ถ้าพวกเราได้รับค?าสั่ง จากวอชิงตันให้เคลื่อนกำลังไปยังเม็กซิโก ทหารทุกนายและยานพาหนะทุกคันจะพร้อม เคลื่อนที่ภายในหกสิบวินาที นายพลแพตตัน ตัองการที่จะไปชายหาดเหล่านั้นเพื่อเผชิญ กับข้าศึกภายในสามชั่วโมง พวกเรานอนใน เครอื่งแบบเปน็เวลาสามคนืกอ่นทที่างวอชงิตนั จะรายงานมาว่าพวกไอ้ยุ่นได้ทำเรื่องที่โง่เง่า ขึ้น กล่าวคือ พวกเขายกพลขึ้นบกที่หัวหาด บนเกาะแห่งหนึ่งในอลาสก้า

นายทหารฝ่ายเสนาธิการคนหนึ่งได้แสดง ความยินดีกับผู้บังคับหน่วยสรรพาวุธ “ตอน นี้คุณก็สบายใจได้แล้ว และหยุดห่วงในเรื่อง กระสุนเสียที” เราไม่มีกระสุนปืนชนิดอื่นใด เลย นอกจากกระสุนปืนเล็กยาว และกระสุน ปืนพกอัตโนมัติ! ถ้าไอ้ยุ่นเข้าตีเม็กซิโกมันจะ เป็นสงครามที่น่าทึ่งทีเดียว ผมแน่ใจว่าถึง นายพลแพตตันจะรู้ว่าพวกเราขาดแคลน กระสุน ท่านก็จะไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสิน ใจที่จะเคลื่อนที่เลย ท่านคงจะพูดว่า “เราจะ ทำให้พวกมันหวาดกลัวจนวิญญาณแทบออก จากร่างทีเดียว ก่อนที่วอชิงตันจะส่งกระสุน ทางอากาศให้แก่เรา!”

ผมแน่ใจว่าเราจะต้องให้รถถังสองสามคัน วิ่งขึ้นๆ ๆ ลงๆ ตามชายหาดพร้อมกับเปิดไซเรนจนลั่นหาด และหลบเข้าไปหลังเนินทรายแล้ว ก็ออกมาใหม่ เพื่อที่จะทำให้ข้าศึกต้องนับจำนวนรถถังชุดเดียวกันนี้ถึงสิบสองครั้ง พวก เราจะตะกุยดินให้ฝุ่นฟุ้งกระจายจนกระทั่ง ไม่มีผู้บังคับบัญชาฝ่ายข้าศึกคนใดกล้าตัดสิน ใจที่จะยกพลขึ้นบก เพราะเกรงความยับเยิน อันจะเกิดจากรถถังจำนวนมาก พอถึงเวลาที่ไอ้ยุ่นค้นพบว่าไท่สามารถทำการยิงได้ พวกเราก็คงได้รับกรส่งกำลังจาก วอชิงตันเรียบร้อยแล้ว ตอนที่เราจัดประชุมฝ่ายเสนาธิการ เพื่อทบทวนแผนการเคลื่อนกำลังสู่เม็กซิโกซึ่งเราไม่ได้กระทำนั้น นายพล แพตตันก็ได้รับทราบว่าฝ่ายเรามีปัญหาการ ขาดแคลนกระสุนขนาดหนัก ท่านได้กล่าวว่า “และ ผมก็มัวแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนระยำตัวนั้น และ ก็คิดว่าพวกเราพร้อมรบ!”