13335533_479292732277562_8258173422178016230_n 13346509_479292725610896_417183821977568812_n 13346895_479292675610901_6357017154377532359_n 13312839_479292525610916_6903312160924421317_n

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า เมื่อ 2 มิ.ย.59 เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จว.กาญจนบุรีและจว.ราชบุรี เพื่อกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการที่ 4 (ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรีและสุพรรณบุรี )

โดยได้เดินทางไปตรวจพื้นที่ด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี เพื่อรับทราบความคืบหน้า การดำเนินงานพัฒนาเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นประตูการค้าของภูมิภาคด้านตะวันตก เชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก ตอนล่าง (ถึงท่าเรือนำ้ลึกและเมืองทวาย) โดยคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เห็นชอบจัดหาที่ดินและบริหารจัดการที่ดิน ในพื้นที่ต.แก่งเสี้ยนและต.บ้านเก่า ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกา จำนวน 8,193 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งคืนพื้นที่ และเตรียมดำเนินงานตามแผนพัฒนาพื้นที่ โดยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ซึ่งมีการเชื่อมต่อเส้นทางการคมนาคม ด้วยมอเตอร์เวย์ บางใหญ่ – กาญจนบุรี และเส้นทางรถไฟ แหลมฉบัง – พุน้ำร้อน ในอนาคต

รองนรม.และรมว.กห. ได้กล่าวย้ำกับหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษว่า “ให้เร่งรัดดำเนินงานตามแผนงาน ควบคู่กับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน ถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ประชาชนจะได้รับร่วมกันในอนาคต ขณะเดียวกันก็ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับประชาชนที่บุกรุกที่ดิน โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวสามารถพัฒนาและใช้ประโยชน์ร่วมกันในภาพรวม ทั้งนี้ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความเข้าใจในประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งความร่วมมือของทุกส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่”

จากนั้น รอง นรม. และ รมว.กห.พร้อมคณะ ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในเขตตรวจราชการที่ 4 (ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ศาลากลางจังหวัดราชบุรี โดยได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของจังหวัดต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาตามนโยบายเร่งด่วน ได้แก่ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ปัญหาผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ปัญหายาเสพติดและการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีปัญหาและวิธีการที่แตกต่างกัน โดยมีผลคืบหน้าในภาพรวม โดยเฉพาะการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งประชาชนตอบรับและให้ความร่วมมืออย่างดี สามารถลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้ประชาชนมีเสรีในการประกอบสัมมาอาชีพอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในสังคมได้มากขึ้น

รองนรม.และรมว.กห. ได้กล่าวขอบคุณถึงความพยายามร่วมกันของทุกส่วนราชการ ที่ร่วมกันดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งร่วมดูแลความปลอดภัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยกล่าวย้ำถึง ความพยายามและความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่จะขับเคลื่อนแก้ปัญหาฐานรากของสังคม ในกรอบเวลาที่กำหนด ด้วยแนวทางประชารัฐ จำเป็นต้องสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากขึ้น ในการผลักดันพลังความร่วมมือกันของสังคมโดยยึดความต้องการที่แท้จริงของประชาชน เพื่อความเข้มแข็งของสังคมที่ยั่งยืน.

ทั้งนี้ “ขอให้ทุกส่วนราชการได้บูรณาการทำงานร่วมกันให้มากขึ้นและมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เพื่อร่วมกันสร้างบรรทัดฐานของสังคม และกล่าวย้ำตอนท้ายว่า การดำเนินงานต่างๆในทุกโครงการ ต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใสและไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด “