13995636_503011086572393_1669657745068819407_o

13920544_503011096572392_4345846928511202009_o

13914124_503011099905725_7675080376265523215_o

คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูลให้กำลังใจรัฐบาล พร้อมทั้งแสดงความจริงและยืนยันต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขด้วยความปรองดอง

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า เมื่อ ๑๕ ส.ค..๕๙ เวลา ๑๔๐๐ นายศักดิ์กรียา บิลแสละและนายอรุณ อุ้ยมาจิ ประธานและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล ได้เดินทางเข้าพบและเยี่ยมคำนับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ณ บ้านรับรองเกษะโกมล
โดยการเดินทางของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และจังหวัดสตูล ครั้งนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและร่วมลงนามถวายพระพรแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาสหทัยสมาคม และทัศนศึกษาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรม ตามโครงการ “ สานสัมพันธ์ ผู้นำศาสนาอิสลาม ” จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะกรรมการอิสลามทั้ง 2 จังหวัด.
พร้อมทั้งได้ใช้โอกาสนี้ เข้าเยี่ยมคำนับ รอง นรม. และ รมว.กห. เพื่อแสดงถึงความจริงใจและให้กำลังใจรัฐบาล โดยกล่าวว่า พี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาล ที่พยายามขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีบางกลุ่มที่เห็นต่าง โดยใช้การบิดเบือนทางศาสนาและความรุนแรงในการแก้ปัญหา ทั้งนี้ขอยืนยันว่า พี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและปรองดอง และพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาล เพื่อเดินหน้าสู่ความสงบและสันติสุข
รอง นรม. และ รมว.กห. ได้กล่าวขอบคุณ ที่แสดงถึงความจริงใจ เดินทางมาให้กำลังใจรัฐบาล โดยยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกศาสนาเท่าเทียมกัน และจะพยายามทำทุกอย่างให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและทั่วถึง เพื่อยุติความขัดแย้งภายในและนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ ซึ่งการจะเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จำเป็นต้องสามัคคี ร่วมมือร่วมใจและมีส่วนร่วมกันทุกภาคส่วน
โดยรัฐบาลพร้อมรับฟังคำแนะนำและข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและผู้นำศาสนาทุกคน เพื่อปรับปรุงการขับเคลื่อนบริหารงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ภายใต้ความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ตามวิถี “ประชารัฐร่วมใจ” เพื่อความเข้มแข็งของชุมชนและความสงบสุขที่ยั่งยืนร่วมกัน