เมื่อ 17 พ.ค.61
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และรมว.กห. ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ไขปัญหาจราจรและปัญหาที่กระทบกับอันตรายของประชาชนในการเดินทาง
โดยรับทราบความคืบหน้าการทำงานของ คณะทำงานการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการจราจรด้านต่างๆ ทั้ง 5 คณะ อันประกอบด้วย ด้านกายภาพและปรับปรุงสภาพถนน ด้านกวดขันวินัยจราจรและอำนวยความสะดวกการจราจร ด้านการขนส่งสาธารณะ ด้านการบริหารจัดการและเทคโนโลยี ด้านการเสริมสร้างวินัยจราจรและการประชาสัมพันธ์
ต่อจากนั้น ได้ร่วมพิจารณา ประเด็นการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร โดยให้มีการบูรณาการกำลังและกำหนดความรับผิดชอบให้มีขอบเขตในการบริหารจัดการจราจรครอบคลุม กทม.และปริมณฑล ประเด็นแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยให้ตั้งคณะทำงานย่อยศึกษาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสาธารณะทางน้ำในคลองแสนแสบ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในถนน รามคำแหง พระรามเก้า ถนนเพชรบุรีและสุขุมวิท. รวมทั้งการเพิ่มรถไมโครบัส จากมีนบุรี ไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แยกรัชดา – ลาดพร้าว ถนนรามคำแหงและรามอินทรา รวมทั้งประเด็นการบริหารจัดการจราจรในช่วงเปิดภาคเรียน โดยให้ ตร.ร่วมกันบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาจราจร 3 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนสามเสน ถนนราชสีมาและราชวิถี , กลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนสาทร ถนนเจริญกรุงและสาทร และกลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนเพชรบุรี ถนนอโศก สุขุมวิทและเพลินจิต เพื่อบรรเทาการจราจรที่กระทบเป็นวงกว้าง
พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า “เวลา” มีค่าสำหรับทุกคน ปัญหารถติดเป็นปัญหาสำคัญ ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและช่วงฝนตก ถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชนและความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะช่วงการก่อสร้างรถไฟฟ้า อาคารสูงและระบบสาธารณูปโภคในถนนสายหลัก จึงต้องให้ความสำคัญในการบูรณาการทำงานที่มีความเชื่อมโยงกันในทุกคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและวาระเร่งด่วน ที่ต้องขับเคลื่อนให้มีความคืบหน้าและมีผลเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเหมาะสมหากมีความจำเป็นต้องทบทวนและแก้กฎหมายตามสภาพความเป็นจริง
รอง นรม.และ รมว.กห. ได้สั่งการให้ ผบ.ตร. ประชุมกำกับติดตามและขับเคลื่อนกลไกที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นทั้ง 5 คณะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยต้องได้ข้อยุติในทุกเรื่อง เพื่อพัฒนาระบบและคลี่คลายปัญหาจราจรในกรุงเทพและปริมณฑลในภาพรวมอย่างต่อเนื่องจริงจัง ขณะเดียวกัน ให้รับเรื่องร้องเรียนของประชาชนมาพิจารณาแก้ไข เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการสัญจร
โดยทางด้านกายภาพ ได้ย้ำกรุงเทพมหานคร ต้องเร่งรัดปรับปรุงผิวจราจรและถนนที่ชำรุดในทุกเขตพื้นที่ อันเป็นเหตุให้รถชะลอตัว ปรับปรุงเครื่องหมายจราจร ปรับเกาะกลางถนนและจุดกลับรถ รวมทั้งประสานขอคืนผิวจราจรจากการก่อสร้าง โดยเฉพาะการเบี่ยงช่องทางจราจรบริเวณจุดจอดรถประจำทาง ตามที่ได้มีการสำรวจร่วมกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การจราจรมีการไหลเวียนที่คล่องตัวมากขึ้น พร้อมกันนี้ให้ กทม.เตรียมการรองรับระบบระบายน้ำในฤดูฝน เพื่อมิให้
ด้านการบริหารจัดการและเทคโนโลยี ขอให้ประสานสร้างการมีส่วนร่วมกับสถาบันการศึกษา นำผลศึกษาวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ เพื่อเชื่อมโยงบริหารจัดการจราจร การบังคับใช้กฎหมายและการปลูกฝังวินัยจราจรทั้งระบบ
ด้านระบบขนส่งสาธารณะ ขอความร่วมมือกระทรวงคมนาคม กวดขันเอาจริงกับการตรวจสภาพรถสาธารณะและมารยาทการขับขี่ที่ขัดต่อใบอนุญาต พร้อมทั้งขอให้เร่งรัดดำเนินการตามมติที่ประชุม ในการเชื่อมโยงการเดินทาง โดยการจัดหา รถ Shuttle Bus รับ-ส่งในเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้า และการปรับปรุงสภาพเรือโดยสาร การเพิ่มมาตรฐาน การให้บริการทางน้ำ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน
ด้านการบังคับใช้กฎหมายและการปลูกฝังวินัยจราจร ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมกวดขันการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและปลูกฝังวินัยจราจรไปด้วยกัน พร้อมกันนี้ ต้องพร้อมรับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งหรือรับการร้องเรียนจากประชาชนที่ร่วมบันทึกภาพผู้กระทำผิดกฎจราจร มาดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมได้มีส่วนร่วมบังคับใช้กฎหมายและร่วมสร้างวินัยจราจรไปด้วยกัน และ ขอย้ำให้เอาจริงกับผู้ขับขี่ย้อนศรและบนทางเท้า การไม่สวมใส่หมวกกันน็อก การผ่าสัญญานไฟ และการไม่หยุดให้คนข้ามถนน รวมทั้ง รถแท็กซี่ที่ไม่รับผู้โดยสาร เพื่อความชอบธรรมของสิทธิและหน้าที่ และความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับตอนท้ายว่า การจัดระเบียบทางสังคมมีความสำคัญ โดยถือเป็นหน้าที่ ที่ต้องร่วมกันทำต่อควบคู่กับการสร้างความเข้าใจกับประชาชน ขอให้ทุกหน่วยงานมุ่งมั่น ตั้งใจ ร่วมกันทำงานจัดระเบียบสังคมและแก้ปัญหาการจราจรไปด้วยกัน ด้วยความจริงใจ บนพื้นฐานของความโปร่งใสและประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ พร้อมย้ำว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมกับทุกคนไม่มียกเว้น และห้ามมีการเรียกรับสินบนหรือรับประโยชน์ในหน้าที่โดยมิชอบอย่างเด็ดขาด
17
พ.ค.